เรียนต่อต่างประเทศเตรียมตัวอย่างไรดี

ปัจจุบันทุนการศึกษาสำหรับเรียนต่อต่างประเทศมีเยอะมาก ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่กำลังอยากจะไปเรียนที่ต่างประเทศ ซึ่งคำถามที่มักจะพบ หรือถามกันบ่อยๆคือ ไม่เก่งภาษาอังกฤษจะชิงทุนได้ไหม? , ไม่เก่งภาษาอังกฤษจะไปเรียนต่อนอกไหวไหม? เรามาดูกันว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร

เรียนต่อต่างประเทศเตรียมตัวอย่างไรดี 1

พื้นฐานภาษาอังกฤษควรจะแน่น เมื่อไปถึงจะได้ปรับตัวและเรียนรู้ได้ไว

ซึ่งปกติการศึกษาไทยมีหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ดีอยู่แล้ว เพราะให้เริ่มเรียนกันตั้งแต่อนุบาล ถ้าน้องตั้งใจเรียนมาตลอดส่วนนี้สบายใจได้ ที่เมืองนอก Grammar เค้าไมไ่ด้เป๊ะๆ หรือเข้มงวดแบบที่เราเรียนกันเลย

เอาจริงๆคือเรื่องเงิน ถ้าฐานะทางบ้านของน้องดี สามารถส่งเสียไปเรียนเมืองนอกได้ โอกาศได้ไปคือเกือบ 100%!! นี่คือเรื่องจริง ถ้าออกเงินไปเรียนเองไม่ได้ขอทุนจากรัฐบาล ทางมหาวิทยาลัยเมืองนอกเค้าไม่ค่อยจะปฎิเสธนักเรียนใหม่กันเท่าไหร่ ยกเว้นคะแนน TOEFL หรือ IELTS แย่มาก ต่ำกว่าเกณฑ์ทั่วๆไป แบบนี้ต้องไปสอบใหม่จรกว่าจะผ่านเกณฑ์พื้นฐานที่ทางมหาลัยเค้ากำหนด น้องก็สามารถไปเรียนต่อต่างประเทศได้ทันที

ส่วนถ้าไม่มีทุนทรัพย์พอก็ต้องสอบชิงทุน ส่วนนี้น้องต้องเข้าขั้นเก่งภาษาอังกฤษเลยครับ เพราะต้องเอาคะแนนทั้ง TOEFL และ IELTS ไปยื่นแข่งกันผู้สมัครคนอื่นๆที่ต่างต้องการชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศกันทั้งนั้น บอกได้คำเดียวว่าไม่ง่ายเลย เพราะแต่ละคนเตรียมตัวติวมากันเป็นปีๆ ต้องใช้ทั้งความรู้ด้านวิชาการ และภาษาอังกฤษควบคู่กันไปในการสอบ สรุปคือถ้าชิงทุนเรียนต่อต้องเตรียมตัวมากเป็นพิเศษครับ

คะแนนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL และ IELTS

คะแนนสอบภาษาอังกฤษ TOEFL และ IELTS

ส่วนใหญ่คิดว่าน้องๆรู้แล้วว่าคือคะแนนอะไร แต่ขออธิบายให้น้องๆที่ยังไม่รู้นะครับ

TOEFL (ออกเสียงว่า “โทเฟิล”)

คือ มาตราฐานการทดสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ทุกมหาวิทยาลัยทั่วโลกจะขอคะแนนส่วนนี้จากน้องๆที่สมัครทุกคน

การสอบของ TOEFL มีหลายแบบ ทั้งสอบด้วยคอมพิวเตอร์ หรือ สอบด้วยกระดาษ แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะสอบแบบ TOEFL iBT คือสอบผ่านอินเตอร์เน็ทได้เลย โดยมีคะแนนเต็มที่ 120 คะแนน ซึ่งมาตราฐานที่มหาลัยต้องการคือ 70 คะแนนขึ้นไป ส่วนมหาวิทยาลัยระดับ Top ของแต่ละประเทศต้องการ 100 คะแนนขึ้นไป ถือว่าสูงมาก จะให้ดีควรมีคะแนน 80-90 จะดีมากครับ ค่าสอบอยู่ที่ 150 ดอลล่าห์สหรัฐ หรือประมาณเกือบ 5 พันบาทไทย

IELTS (ออกเสียงว่า “ไอเอล”)

สามารถสอบได้ที่ British Council ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 5-6 พันบาทไทย มีคะแนนเต็มที่ 9.0 มาตราฐานที่มหาลัยทั่วโลกยอมรับคือ 5.5 และ มหาลัยระดับ Top คือ 7.0 ขึ้นไปครับ

ส่วนนี้จะต้องทดสอบทั้ง 4 Part คือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน เรียกว่าครบทุกอย่างเลย มหาลัยที่โหดหน่อยจะนำคะแนนทุกส่วนมาแล้วเฉลี่ยหาร 4 คือต้องการระดับที่ดีทุกด้าน ไม่ใช่อ่านเก่งอย่างเดียว แต่การเขียนแย่ เป็นต้น

สรุป ควรจะสอบเก็บไว้ทั้ง 2 ตัว เพราะบางทีโอกาสชิงทุนมาถึง แต่คะแนนสอบทั้ง 2 ตัวเราไม่พร้อม อาจจะไม่ทันได้ เพราะผลการสอบทั้ง 2 ตัวนี้ต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์กว่าคะแนนจะออกมาอย่างเป็นทางการ

การสอบวัดระดับภาษาอื่นๆ สำหรับประเทศที่ 3

การสอบวัดระดับภาษาอื่นๆ สำหรับประเทศที่ 3

เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน พวกนี้ก็ต้องมีทั้งคะแนนสอบภาษาบ้านเค้า และภาษาอังกฤษอีกด้วย ถือว่าต้องเตรียมตัวหนักไม่น้อย เพราะทุนต่างประเทศที่ 3 ปกติจะมีแจ้งว่า หากมีผลคะแนนของภาษานั้นๆจะได้รับการพิจารณาเป็ฯพิเศษ ถือว่าสำคัญมาก

การเตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อม

การเตรียมเอกสารต่างๆให้พร้อม

ก่อนจะไปเรียนต่อต่างประเทศมีเอกสารที่จำเป็นดังนี้

– ใบแสดงผลการศึกษา (ปพ. 1) หรือ Transcript คือใบเกรดและผลการศึกษาของเราเมื่อเรียนจบระดับชั้นต่างๆนั่นเอง

– ใบรับรองสถานภาพการศึกษา เพื่อยืนยันว่าเราเป็นนักเรียนของโรงเรียนนั้นจริงๆ ปกติต้องขอทางโรงเรียนทางธุรการจะจัดให้ไม่มีปัญหา

อย่างลืมว่าให้ขอเป็นแบบภาษาอังกฤษด้วยนะครับ เพราะต่างชาติเค้าไม่ใช้ภาษาไทย และสามารถขอได้ทีละหลายๆใบ บางคนขอทีเป็น 10 ใบเพราะเผื่อเอาไปยื่นหลายๆทุน หลายๆที่ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปโรงเรียนขอบ่อยๆครับ

– ใบสูติบัตร (ใบเกิด) สามารถไปขอคัดสำเนาที่ สำนักงานเขตได้เลยครับ ทางมหาลัยต้องการเอาไปดูเพื่อยืนยันว่าข้อมูลของเราเป็นความจริง

– ทะเบียนบ้าน ให้ถ่ายสำเนาเก็บไว้ทีเดียวเยอะๆเลย โดนถ่ายหน้าแรกของทะเบียนบ้าน และ หน้าที่มีชื่อเราคู่กัน

– Passport หรือหนังสือเดินทาง เอาไว้ยืนยันตัวเช่นกัน

– มบประกาศนียบัตรต่างๆ หรือ Porfolio ของเรานั่นเอง ปกติทางโรงเรียนจะออกให้ถ้าเราเคยเข้าร่วมกิจกรรม อันนี้บางคนไม่มีก็ไม่เป็นไร

เอกสารทุกใบ ทุกฉบับต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะครับ ใครแปลไม่เก่งก็ไปจ้างแปลได้ พวกรับแปลเอกสารต่างๆ หน้าละประมาณ 300-500 บาท แล้วแต่ที่ เมื่อแปลแล้วให้ไปที่กรมการกงสุล ไปยื่นคำร้องรับรองเอกสารครับ 

สุดท้ายคือให้เราถามตัวเองว่าอยากไปเรียนที่ไหน เราควรมีจุดหมายที่แน่นอน เพราะทุนตอนนี้เยอะมาก และมีหลายประเทศมากๆ ถ้าเรา Focus ไว้โอกาศย่อมมีมากกว่า เราต้องหมั่นติดตามข่าวสารทุนการศึกษา เดี๋ยวนี้มีอินเตอร์เน็ทก็ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก แนะนำใช้ Google ให้เป็นประโยชน์ เช่น ค้นหาคำว่า โปรแกรมทุนเรียนต่อนอก , ทุกการศึกษารัฐบาลต่อเมืองนอก เป็นต้น แต่หลายๆทุนดีๆก็ไม่ประกาศในอินเตอร์เน็ทเท่าไหร่ ควรจะปรึกษาอาจารย์ที่โรงเรียนดูด้วยหลายๆทางครับ

 

>>> แจ้งข่าว Lazada กำลังจัดโปรลดครั้งยิ่งใหญ่ประจำปี ลดสูงสุดถึง 90% คลิกเลย !