การเดินทาง เดินทางด้วยสายการบิน China Eastern ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง นั่งงีบได้แป๊ปเดียว เครื่องก็แลนด์ที่สนามบินคุนหมิง
อากาศกำลังดี เย็นๆสบาย ไม่หนาว ไม่ร้อน
สนามบินที่คุนหมิง ยิ่งใหญ่ อลังการมาก
ไปถึงคืนแรกก็เข้าโรงแรมเลย ไปเดินเล่นแถวๆโรงแรม มีร้านปิ้งย่างหม่าล่า ลองกินดูทั้งเนื้อวัว เนื้อแพะ และไก่
รสชาติเผ็ดๆ ตามสไตล์หม่าล่า อร่อยดี
บรรยากาศแถวๆที่พัก เดินเล่นสบายๆ
หม่าล่าปิ้งย่างรสเด็ด ปัญหาอย่างเดียวคือไม่รู้จะสั่งยังไง และบางทีก็ไม่แน่ใจว่าที่กินอยู่คือเนื้ออะไร 555
คนขายพูดจีน ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ส่วนคนซื้อรู้แค่ภาษาจีนแบบงูๆปลาๆ
ไอติมรสชานมไข่มุก ลองดูซะหน่อย … รสชาติใช้ได้ ไข่มุกหนึบๆ แต่น้อยไปหน่อย ใครไปเมืองจีนก็หาลองกันได้ ..
เช้าวันแรก
ไปเที่ยวที่สวนน้ำตกคุนหมิง เป็นสวนสาธารณะในเมืองคุนหมิง และมีน้ำตกขนาดใหญ่ที่สร้างจากฝีมือมนุษย์
ถ่ายรูปได้ซักพัก ไกด์เราก็ให้ขึ้นรถเดินทางต่อไป
มีนักแสดง แสดงโชว์อยู่ด้านหน้าถ้ำ เป็นการแสดงเรื่องไซอิ๋วแหละ แต่เราไม่ได้ดูกันหรอก ฟังไม่รู้เรื่อง 555
มองไปด้านบน มีสะพานแก้วสูงๆ เห็นแล้วหวาดเสียว ….
หมูสามชั้นอันนี้ ทำจากหินล้วนๆ ไม่ใช่ของจริงแต่อย่างใด เห็นแล้วหิว เมื่อไหร่จะได้กินข้าวเที่ยง !!! 555
บรรยากาศภายในถ้ำ เดินไปตามทางเรื่อยๆ มีการประดับไฟ แสง สี สวยงาม
เดินตามทางไปเรื่อยๆ จะมีที่ให้ขึ้นรถรางไปด้านบนภูเขา หรือจะเดินขึ้นไปก็ได้
รถรางจากในถ้ำ ขึ้นไปบนสะพานแก้ว (ถ่ายจากท้ายรถลงไป) คนจะเดินขึ้นก็ได้ มีทางเดินข้างๆ สำหรับคนรักการออกกำลังกาย
ด้านบนจะมีสะพานแก้ว ข้ามไปภูเขาข้างๆกัน สูงพอสมควรเลย เวลามีลมแรงๆ ก็โยกเยกนิดหน่อย เสียวๆดีเหมือนกัน
ขาลง เราสไลด์เดอร์ลงไปตามทางหินอ่อน สนุกดี ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อยากเล่นอีกซักรอบ 555
ไม่มีรูปให้ดู ลืมถ่าย มัวแต่สนุกอยู่ )
สถานที่ต่อไป
ไปที่แถวเมืองตงชวน เพื่อไปดูแผ่นดินแดงตงชวน นั่งรถประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้ ถนนยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กำลังสร้างใหม่กันอยู่ นอนหลับๆตื่นๆ
รถขับไปได้ซักพัก วิวสองข้างทางก็จะมีภูเขาใหญ่สวยงาม สลับกับหมู่บ้านชาวจีน ชนบท
แผ่นดินแดงที่ตงชวน มีลักษณะคล้ายๆนาขั้นบันได ที่จะมีสีสันสลับๆ กันไป สีแดง สีส้ม สีน้ำตาล ทุ่งหญ้าสีเขียว
ไกด์พาเราไปบนภูเขา แล้วมองลงมานาขั้นบันไดข้างล่าง ช่วงที่ไปสีสันก็ยังไม่ค่อยสวยมาก แต่วิวภูเขาก็อลังการพอสมควร
คืนนี้เรานอนกันอยู่ที่โรงแรมบนภูเขานี้เลย
โรงแรมแบบโรงเตี๊ยมสมัยก่อน แต่มีการรีโนเวทด้านในใหม่แล้ว อากาศก็หนาวพอสมควรเลย
บรรยากาศในโรงแรมที่พักคืนนี้
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะครับ เดี๋ยวจะไปภูเขาหิมะเจี้ยวจื่อละ พรุ่งนี้ ……
วันนี้นั่งรถกลับคุนหมิง นั่งๆนอนๆไปสามชั่วโมง
ถึงคุนหมิงแวะไปเที่ยวตำหนักทอง (จินเตี้ยน) ด้านในมีศาลเจ้าทอง มีพิพิธภัณฑ์ที่เป็นประวัติ และดาบของอู๋ซานกุ้ย
ผู้สร้างตำหนักทองแห่งนี้ ไกด์เล่าประงัติให้ฟังอย่างยาว ลืมไปหมดแล้ว 555
ทางเข้า มีทางเดินขึ้นเขาไม่ไกลมาก มีรถกอล์ฟบริการสำหรับคนเดินไม่ไหวด้วย …
ต้นไม้จั๊กจี้ เอามือเกาๆที่ต้นไม้ ใบไม้จะสั่นๆ …. ไหนๆลองดูซิ 555
หลังทานอาหารกลางวัน เราไปต่อกันที่วัดหยวนทง
เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในมณฑลยูนนาน (ภาษาจีนอ่านออกเสียงว่า “หยูนหนาน” )
ข้างในวัดบรรยากาศร่มรื่น มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่กลางวัด ภายในมีทั้งเจ้าแม่กวนอิม
รวมถึงพระพุทธชินราชจากประเทศไทยด้วย
ทางเข้าวัด ดูอลังการพอสมควร มีดอกไม้สีชมพูเหมือนซากุระด้วย
มีศาลา วิหาร กลางน้ำ ขนาดใหญ่
พระพุทธชินราชจำลอง จากประเทศไทย มาอยู่ที่นี่นานแล้ว
…………………………………………………………………………..
เย็นวันนี้ไปกินหม่าล่าเหมือนวันแรก รอบนี้มีโต้ะนั่งกินกันจริงจัง
อร่อยเหมือนเดิม แสบปากไปหมด 555 เดินเล่นสบายๆก่อนกลับไทยพรุ่งนี้แล้ว
เราไปขึ้นเขาซีซาน ไปชมประตูมังกร ตั้งแต่ตอนเช้า
นั่งรถของอุทยานขึ้นไปบนเขา ระหว่างทางมีคนเดินขึ้นไปข้างบนเยอะมาก
เสียวๆรถจะไปชนคนตกเขาอยู่บ้าง … ขึ้นไปถึงจะมีรถกอล์ฟให้นั่งต่อขึ้นไปอีก
ประตูชั้นแรก หลังจากลงรสบัส
ขึ้นรถกอล์ฟกันต่อโลดดดดดด ….
หลังจากนั้นจะเดินขึ้นบันได้ไปข้างบน
แต่ละชั้นจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้กราบไหว้ รวมถึงฟังเรื่องราวประวัติต่างๆ
มองไปด้านล่าง จะเป็นทะเลสาบเตียนฉือ ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนนาน
เดินไปตามขอบเขา ลอดช่องเขาบ้าง จนถึงด้านบนมีประตูมังกรให้ลอด
มองข้างล่างเป็น ทะเลสาบขนาดใหญ่
ขาลงก็ลงมาทางเดิม คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ใครจะมาแนะนำมาเช้าๆหน่อยนะ คนเยอะจริงๆ
…………………………………………………………………………………………………………..
ก่อนกลับไปเดินถนนคนเดิน ซื้อของ เดินเล่นซักพัก ทานอาหารเย็น แล้วค่อยไปสนามบิน
เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ถึงไทยน่าจะซักตีหนึ่ง ตีสอง เหน็ดเหนื่อยกันที่เดียว 555
จบแล้วสำหรับทริปนี้ ใครสงสัยอะไรก็คอมเม้นท์ไว้เลย จะมาตอบให้จ้าาา
ทริปหน้าจะไปไหน รอติดตามด้วยนะคร้าบบบ (แว่วๆว่า ญป นะ 555)
วันนี้นั่งรถจากโรงแรมออกไปภูเขาหิมะเจี้ยวจื่อ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
ระหว่างทางวิวสองข้างทางสวยมาก รถขับไปตามแนวภูเขาขึ้นไปเรื่อย ช่วงนี้เราขึ้นมาอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึงประมาณ 2500-3000 เมตร
แค่นี้ก็สูงกว่าดอยอินทนนท์แล้ว (ดอยอินทนนท์ประมาณ2500เมตร) ระหว่างทางไกด์จะขายพวกออกซิเจนกระป๋อง
เอาไว้ช่วยคนที่อาจจะมีอาการแพ้ที่สูง (Altitude sickness) ซื้อเผื่อไว้ซักหน่อยละกัน สามสี่คนซักกระป๋องนึง แล้วใช้ด้วยกันเอา 55
พอรถจอด ทานอาหารกลางวันเรียบร้อย ก็ไปขึ้นรถบัสของอุทยานขึ้นไปบนภูเขา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ถนนคดเคี้ยวไปตามภูเขา แต่วิวภูเขาสวยมาก ภูเขาบ้านเค้ายิ่งใหญ่ดีแท้ 555
ลงจากรถเดินไปขึ้นกระเช้าต่อ โดยกระเช้าเป็นกระเช้าเล็กๆ นั่งได้ 2 คน นั่งยาวๆขึ้นไปบนภูเขาต่อ
คราวนี้แหละ ถึงเวลาของการเดิน เดิน เดิน .. ทางที่เดินเป็นทางที่มีการทำสะพานไม้ไว้หมดแล้ว
เดินสะดวกมาก จะเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ก็เดินได้สะดวก มีทางราบ สลับบันไดเป็นครั้งคราว
ช่วงนี้เราอยู่ที่ความสูง 3500-4000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ออกซิเจนจะเบาบาง
เดินได้ซักพักจะเหนื่อยง่ายหน่อย เดินไปพักไปถ่ายรูปไป ถ้าเหนื่อยมากก็พ่นออกซิเจนกระป๋องเอาแรงซักนิด
เราขึ้นไปไม่ถึงข้างบนสุด ขึ้นไปแค่น้ำตกซึ่งเป็นน้ำแข็ง ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว
เดินรวมๆแค่ประมาณ 1 กม.เอง อากาศก็หนาวพอสมควร แต่ไม่ได้หนาวมาก เหนื่อยมากกว่า 555
เดินกินลมชมวิวไปตามทาง ธรรมชาติดีงาม น้ำตก ป่า น้ำแข็ง ปนๆกันไป
เราขึ้นมาถึงแค่จุดนี้ เป็นน้ำตกที่เป็นน้ำแข็ง ไม่ได้เดินต่อ ด้วยเวลาและสังขารที่ไม่เอื้ออำนวย …
เสร็จแล้ว เดินลงกันเถอะ .. มาทางไหนกลับทางนั้น
วันนี้จบแค่นี้ นั่งรถเข้าเมืองไปที่โรงแรม นอนพักผ่อน สบายๆ